รวบ “เอส พระราม 3” กำแหงใช้ปืนยิงตำรวจ ขณะหนีด่านตรวจแอลกอฮอล์ในพื้นที่ สน.พระยาไกร แต่ถูกยิงสวนโดนแขนเจ็บ ให้การในสภาพเมาอ้างยิงก่อน เพราะกลัวถูกตำรวจยิง ส่วนเพื่อนที่ขี่ จยย.หลบหนีไปได้ เผยประวัติร้ายกาจ หมายจับเพียบ เคยก่อคดียิงอริตาย 1 เจ็บ 2 หน้าผับดังย่านท่าพระ เมื่อปี 55 ขณะที่ 1 ใน 2 ด.ต.ที่เข้าจับกุม เชื่อรอดกระสุนเพราะบารมีพระเครื่องห้อยคอ ด้าน ผบ.ตร.ตบรางวัลเงินสดลูกน้องเป็นขวัญกำลังใจ

เหตุหนุ่มซ่า “เอส พระราม 3” กำแหงแหกด่านยิงปืนสู้ตำรวจ เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 00.10 น. วันที่ 28 เม.ย. ขณะที่ ร.ต.อ.คำตัน ทำดี รอง สว.จร.สน.วัดพระยาไกร พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สน.วัดพระยาไกร ตั้งด่านตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ อยู่บริเวณปากซอยพระราม 3 ซอย 8 ถนนพระรามที่ 3 แขวงและเขตบางคอแหลม สังเกตเห็นชาย 2 คน ท่าทางมีพิรุธขี่รถ จยย.ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ สีบรอนซ์เทา ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน จอดให้ชายคนนั่งซ้อนท้ายลงเดินก่อนถึงด่านตรวจประมาณ 30 เมตร

ด.ต.ไชยรัตน์ แย้มกลีบ ผบ.หมู่ จร.สน.วัดพระยาไกร ที่ยืนใกล้สุด เดินเข้าไปเรียกขอตรวจค้น แต่กลับถูกชายต้องสงสัยชักปืนยิงใส่ในระยะประชิดแล้ววิ่งหลบหนี ด.ต.มนตรา อินทร์ชุ่ม ผบ.หมู่ จร.สน.วัดพระยาไกร เพื่อนตำรวจเห็นเหตุการณ์รีบขี่รถ จยย.ติดตาม แต่กลับถูกคนร้ายยิงใส่อีก 2 นัด จนรถ จยย.เสียหลักล้มลง พอตั้งหลักได้ ด.ต.มนตรา ชักปืนยิงคนร้ายถูกเข้าที่ข้อศอกขวา 1 นัด ก่อนเพื่อนตำรวจที่ตั้งด่านจะนำกำลังมาสมทบ ช่วยกันจับกุมคนร้ายที่อยู่ในอาการคล้ายคนเมายาเสพติด พร้อมปืนลูกโม่ .32 ของกลาง มีกระสุนในลูกโม่พร้อมยิงอีก 3 นัด นำตัวกลับไปสอบสวนที่ สน.วัดพระยาไกร

จากการสอบปากคำทราบชื่อคนร้ายคือ นายอานุภาพ หรือพรประเสริฐ ชูนามเดช หรือ “เอส พระราม 3” อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 43 ซอยมไหสวรรย์ 4 แขวงและเขตบางคอแหลม ให้การรับสารภาพว่า ก่อนเกิดเหตุนั่งซ้อนท้ายรถ จยย.เพื่อนชื่อนายเก่ง ไม่ทราบชื่อจริงและนามสกุล กระทั่งมาเห็นด่านตรวจเลยให้เพื่อนจอดส่ง และลงเดินหนีเนื่องจากไม่ได้สวมหมวกกันน็อก หลังจากนั้นเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจวิ่งตาม จึงชักปืนที่ติดตัวมายิงใส่ เนื่องจากเกรงว่าจะถูกตำรวจยิง สุดท้ายถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงใส่จนได้รับบาดเจ็บ และถูกจับกุมได้ดังกล่าว

เบื้องต้นแจ้งข้อหา พยายามฆ่าเจ้าพนักงานขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่ มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร ก่อนนำตัวไปตรวจเขม่าดินปืน พร้อมทั้งส่งไปรักษาที่ รพ.ตำรวจ ก่อนดำเนินคดีตามกฎหมาย ขณะเดียวกัน พ.ต.ท.ประวิทย์ วงษ์เกษม สวป.สน.วัดพระยาไกร ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สายตรวจ สน.วัดพระยาไกร ออกติดตามสกัดจับชายต้องสัยอีก 1 คนที่ขี่รถ จยย.หลบหนีไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบประวัติอาชญากรพบว่านายอานุภาพ หรือ“เอส พระราม 3” มีประวัติก่อเหตุอาชญากรรมมาแล้วโชกโชน คดีที่ดังที่สุดเกิดขึ้นเมื่อเช้ามืดวันที่ 16 ธ.ค.55 ก่อเหตุยิงคู่อริบริเวณหน้าผับโพไซดอน ริมถนนรัชดา-ท่าพระ แขวงตลาดพลู เขตธนบุรี ทำให้นายศิริพงษ์ อภัยวงศ์ อายุ 30 ปี เสียชีวิต และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 2 ราย คือนายชาญชัย เกียรติธนะกิจ อายุ 26 ปี และนายทรงปกรณ์ จิตบำรุงพรชัย อายุ 23 ปี นอกจากนี้ ยังเคยถูกจับในท้องที่ สน.วัดพระยาไกรหลายคดี โดยคดีแรกปี 46 ถูกจับกุมคดีทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัส และคดียาเสพติดอีก 5 คดีและยังถูกจับกุมคดีแข่งรถ จยย.อีกหลายครั้ง

ด้าน ด.ต.ไชยรัตน์ แย้มกลีบ ผบ.หมู่ จร.สน.วัดพระยาไกร ที่เดินเข้าไปเรียกนายอานุภาพ เพื่อขอตรวจค้น แต่โชคดีที่กระสุนไม่ถูก กล่าวว่า ที่รอดมาได้ น่าจะเป็นเพราะบารมีของเหรียญ ร.5 ด้านหลังเป็นพระพุทธชินราช รุ่นปี 2535 ที่ช่วยให้แคล้วคลาดไม่ถูกยิงทั้งๆที่ถูกยิงในระยะเผาขน

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ วันเดียวกัน พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.กล่าวว่า ต้องขอชมเชยเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความทุ่มเท เสียสละ และตั้งใจ เคยพูดอยู่เสมอว่าอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมีความพร้อม มีการอบรม พูดคุยสั่งสอนกันก่อนที่จะออกปฏิบัติหน้าที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องสำรวจอาวุธยุทโธปกรณ์ก่อนปล่อยแถวออกปฏิบัติหน้าที่ เพื่อให้เกิดความคุ้นเคยและเคยชิน และยังได้มอบเป็นนโยบายไว้ว่า ก่อนปฏิบัติหน้าที่ทุกครั้งหัวหน้าชุดต้องเรียกประชุม เพื่อปล่อยแถว ส่วนการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาให้เป็นหน้าที่พนักงานสอบสวน