คอลัมน์ สถานีคิดเลขที่ 12
ชวนขบคิดไม่น้อย สำหรับคำกล่าวของท่านนายกรัฐมนตรี ที่อุปมาความแตกต่างระหว่าง "โลกตะวันตก" กับ "ตะวันออก" และความแตกต่างระหว่าง "สหรัฐ" กับ "ไทย" ผ่านสัญลักษณ์อย่าง "เสื้อ "
ผู้นำไทยฝากบอกไปยังรัฐบาลสหรัฐว่า อย่าตัดเสื้อตัวเดียวให้คนทั้งโลกใส่ เพราะแต่ละประเทศมีปัญหาไม่เหมือนกัน เปรียบได้กับเสื้อที่ต้องมีหลายขนาด
ขออนุญาตคิดต่อจากท่านนายกฯ ด้วยการตั้งข้อสังเกต 3 ประการ ดังต่อไปนี้
หนึ่ง ไม่ว่าจะสวมเสื้อไซซ์ไทย ไซซ์สหรัฐ ไม่ว่าจะใส่เสื้อรูปแบบไหน ลวดลายใด
หรือต่อให้คิดเชื่อว่าตนเองกำลังสวมเสื้อ ตามเสียงยกยอของคนรอบข้าง ทั้งที่ในความเป็นจริง ไม่ได้มีอาภรณ์ใดๆ มาปกคลุมร่างกายเอาไว้เลย
ถ้าคิดตามท่านนายกฯ ก็หมายความว่า มนุษย์โลกยุคปัจจุบัน จำเป็นต้องสวมเสื้อ
เพราะมนุษย์ไม่สามารถดำรงตนอย่างเปลือยเปล่า ใกล้เคียงกับสภาวะทางธรรมชาติดั้งเดิมได้อีกต่อไป เมื่อสังคมของพวกเขาพัฒนาขึ้น จนเต็มไปด้วยปัญหาอันสลับซับซ้อน ตลอดจนผลประโยชน์ที่ขัดแย้งกันอย่างหลากหลาย มหาศาล
จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องมีการสร้าง "กลไก" บางอย่าง ขึ้นมาอำนวยความเป็นธรรม และแก้ไขข้อพิพาทขัดแย้งดังกล่าว "กลไก" ที่ว่านั้น อาจเปรียบเสมือน "เสื้อ" ก็เป็นได้
สอง "การเมืองเรื่องเสื้อ" จึงกอปรขึ้นมาจากทั้ง "ความเหมือน" และ "ความต่าง"
กล่าวคือ เราทุกคนต่างต้องสวมเสื้อเช่นเดียวกัน ทว่า รูปแบบหรือขนาดของเสื้ออาจผิดแผกแตกต่างกันไป
"ความเหมือน" และ "ความต่าง" ตรงจุดนี้ สามารถตีความได้อย่างไรบ้าง?
อาจตีความได้ว่า เราจำเป็นต้องมีรูปแบบการปกครองอะไรสักอย่างมาควบคุมจัดการสังคมมนุษย์ โดยที่อาจเป็นระบอบประชาธิปไตยหรือเผด็จการก็ได้แล้วแต่กรณี
หรืออาจตีความได้ว่า มนุษย์ในสังคมสมัยใหม่ต่างต้องการระบอบประชาธิปไตย ที่มีการเลือกตั้งเป็นองค์ประกอบสำคัญ รวมทั้งรับประกันสิทธิขั้นพื้นฐาน และเสรีภาพในการแสดงออกของผู้คน เหมือนๆ กัน
โดยอาจมีรายละเอียดปลีกย่อยที่แตกต่างกันอยู่บ้าง เช่น รูปแบบของสถาบันการเมือง ฯลฯ แต่ต้องไม่ทำลายหลักการประชาธิปไตยเบื้องต้น
ไม่แน่ใจว่า เวลามีการพูดถึง "ประชาธิปไตยแบบไทยๆ" นั้น ผู้พูดคิดถึงการตีความในแบบหลังหรือแบบแรกมากกว่ากัน?
สาม ท่านนายกฯ กล่าวได้ถูกต้อง ในประเด็นที่ว่าไทยกับสหรัฐไม่จำเป็นต้องใส่เสื้อขนาดเดียวกัน
แม้โดยหลักการแล้ว ไทยกับสหรัฐต้องใส่เสื้อเหมือนกัน แต่รายละเอียดเฉพาะของเสื้อก็ไม่
จำเป็นต้องสอดคล้องเป็นพิมพ์เดียวกัน และอาจแปรผันไปได้ตามบริบทสังคมที่ต่างกัน
น่าตั้งคำถามต่อยอดจากแง่คิดของท่านนายกฯ ได้อีกว่า แล้ว "เสื้อ" ที่ คสช. ครม. สนช. สปช. และ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ กำลังออกแบบกันอยู่ กับ "เสื้อ" ที่คนไทยจำนวนมากอยากใส่นั้น
เป็น "เสื้อ" ตัวเดียวกันหรือไม่?
น่าตั้งคำถามเพิ่มเติมด้วยว่า "แม่น้ำห้าสาย" คิดว่าใครคือผู้ที่จะสวมใส่ "เสื้อตัวใหม่" ซึ่งพวกเขากำลังร่วมกันประกอบสร้างขึ้นมา?
ผู้สวมใส่ คือ ประเทศไทยทั้งประเทศที่เปรียบได้กับเรือนร่างของมนุษย์คนหนึ่ง โดยมี "แม่น้ำห้าสาย" เป็นอวัยวะสำคัญๆ ที่ควบคุมระบบการทำงานของร่างกายดังกล่าวเอาไว้
ส่วนคนไทยรายอื่นๆ มีสถานะเป็นดังอวัยวะย่อยๆ ซึ่งมีความสำคัญต่อร่างกายลดหลั่นกันลงไป และพึงปฏิบัติหน้าที่เล็กๆ น้อยๆ ของตน ตามคำสั่งควบคุมของอวัยวะหลัก
เมื่ออวัยวะหลักเห็นว่าเสื้อตัวหนึ่งมีความเหมาะสมกับร่างกาย อวัยวะรองอื่นๆ ก็จำใจต้องสอดใส่ตนเองเข้าไปในเสื้อตัวนั้นด้วย
หรือมองว่า ผู้สวมใส่มีจำนวนมากมายกว่า 60 ล้านคน โดยทั้งหมดล้วนเป็นปัจเจกบุคคล ที่มีอัตวินิจฉัยในเรื่องต่างๆ เป็นของตนเอง
พิจารณาในแง่นี้ จึงไม่ใช่แค่ไทยกับสหรัฐเท่านั้น ที่ใส่เสื้อต่างกัน
แม้แต่ภายในสังคมไทยเอง ผู้มีอำนาจปกครองกับผู้ถูกปกครอง ก็อาจมีรสนิยมในการเลือกเสื้อมาสวมใส่ไม่เหมือนกัน
(ที่มา:มติชนรายวัน 16 มีนาคม 2558)