จากกรณีที่ เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ น.ส.ศวิตา หรือนก มณีจันทร์ อายุ 31 ปี ชาว จ.ราชบุรี เข้าแจ้งความดำเนินคดี นายอภิรุจ สุวะดี อายุ 72 ปี และนางวันทนีย์ สุวะดี อายุ 66 ปี บิดาและมารดาของท่านผู้หญิงศรีรัศม์ สุวะดี ในความผิดฐาน “หมิ่นเบื้องสูง , ใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนได้รับความเสียหาย และใช้ให้ผู้อื่นกระทำผิดฐานแจ้งความเพื่อกลั่นแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษทางอาญา” หลังจากที่เมื่อปี พ.ศ.2546 นายอภิรุจและนางวันทนีย์บังคับให้ด.ต.สุรินทร์ ศุกลมนัส ซึ่งมีศักดิ์เป็นลุงของน.ส.ศวิตา แจ้งจับน.ส.ศวิตาในข้อหา "ฉ้อโกง" จนต้องโทษกว่า 1 ปี 6 เดือน
ต่อมา เมื่อวันที่ 9กุมภาพันธ์ นายอภิรุจ และนางวันทนีย์ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ป. เพื่อชี้แจง ว่าไม่มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องดังกล่าว และไม่เคยรู้จักกับน.ส.ศวิตาและครอบครัวมาก่อน พร้อมทั้งปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
ล่าสุดเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รองปบก.ป.รรท.ผบก.ป.กล่าวว่า หลังจากตนได้ประชุมหารือร่วมกับพ.ต.อ.ประเสริฐ พัฒนาดี รอง ผบก.ป.และคณะพนักสอบสวน จึงพบว่ายังมีประเด็นที่ต้องสอบปากคำนายอภิรุจ และนางวันทนีย์ เพิ่มเติม วันนี้จึงให้พนักงานสอบสวนลงพื้นที่ จ.ราชบุรี เพื่อสอบปากคำทั้งสองอีกครั้ง
พ.ต.อ.อัคราเดช กล่าวต่อว่า ส่วนรายละเอียดเกี่ยวกับประเด็นที่มีการสอบปากคำเพิ่มนั้น คงไม่สามารถเปิดเผยได้และต้องให้เวลากับพนักงานสอบสวนในการรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ อีกระยะหนึ่ง แต่ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย พร้อมกันนั้นได้กำชับไปยังพนักงานสอบสวนแล้วว่าให้ดำเนินการด้วยความรอบคอบ รัดกุม การดำเนินการทุกอย่างสามารถตอบคำถามกับสังคมได้ เพราะเป็นคดีที่ถูกจับตามองและอยู่ในความสนใจของพี่น้องประชาชน
พ.ต.อ.อัคราเดช กล่าวอีกว่า วันนี้พนักงานสอบสวนจะสอบปากคำ ด.ต.สุรินทร์ ศุกลมนัส ลุงของ น.ส.ศวิตา ที่ สภ.เมืองราชบุรีด้วย หลังจากที่นัดให้ปากคำเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่ ด.ต.สุรินทร์ อ้างว่าติดภารกิจ ส่วนประเด็นการสอบสวนยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ขณะนี้พนักงานสอบสวนยังอยู่ระหว่างแสวงหาพยานหลักฐานข้อเท็จจริงต่างๆ ในคดีอย่างต่อเนื่อง
